การทำประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองความเสียหาย (แก่ร่างกาย และทรัพย์สิน) ให้กับตัวคุณและผู้อื่น โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ส่วนตามภาพประกอบ
หมายเหตุ
* ความเสียหายต่อร่างกาย หมายถึง การบาดเจ็บ สูญเสียชีวิตและอวัยวะ ทุพพลภาพ ฯลฯ
** ความเสียหายต่อทรัพย์สิน หมายถึง ตัวรถยนต์ ร้านค้า อาคาร สิ่งของที่เสียหายจากอุบัติเหตุรถยนต์ ฯลฯ
ในการประกันภัยรถยนต์นั้น คุณสามารถแบ่งทำได้เป็น 2 ส่วนคือ ภาคบังคับ และภาคสมัครใจ (ตามรูปด้านบน)
ภาคบังคับ - หรือที่เรียกกันว่า พ.ร.บ. เป็นส่วนที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี ทั้งนี้ ก็เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ประสบภัยจากรถยนต์ทุกคน จะได้รับการชดเชยจากฝ่ายที่ผิด หรือถูกชนไม่ทราบคู่กรณี
อย่างน้อย 50,000 บาท (ในกรณีบาดเจ็บ)
80,000 บาท (ในกรณีเสียชีวิต) ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายผิด ส่วนเบี้ยประกันภัยจะถูกกำหนดโดยกรมการประกันภัย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1,122 บาท
ภาคสมัครใจ - เป็นส่วนที่คุณสามารถเลือกซื้อได้เพิ่มเติมตามความต้องการและกำลังเงิน เพื่อเพิ่มความคุ้มครองที่ได้จาก พ.ร.บ. ประกันภัยภาคสมัครใจจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท หรือชั้น ตามตารางด้านล่าง
ความคุ้มครองความเสียหายต่อ
ชีวิต ร่างกาย ของบุคคลภายนอก (เพิ่มจาก พ.ร.บ.) ทรัพย์สินของบุคคล
ภายนอก ความสูญหายและไฟ
ไหม้ของตัวรถยนต์
ของคุณ ความเสียหายตัว
รถยนต์ของคุณ
ประกันภัยประเภทที่ 1
ประกันภัยประเภทที่ 2 -
ประกันภัยประเภทที่ 3 - -
นอกจากนี้ ในการซื้อประกันภัยภาคสมัครใจไม่ว่าประเภทใดก็ตาม ทางบริษัทประกันภัยมักจะรวม "ความคุ้มครองเพิ่มเติม" มาให้ด้วย ซึ่งมีทั้งหมด 3 ส่วนได้แก่ อุบัติเหตุส่วนบุคคล (รย. 01) ค่ารักษาพยาบาล (รย. 02) และการประกันตัวผู้ขับขี่ (รย. 03)
ประโยชน์ของการประกันภัยรถยนต์
เมื่อทำประกันภัยรถยนต์แล้ว ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ คุณไม่ต้องกังวลใด ๆ เพราะบริษัทประกันภัยจะอำนวยความสะดวกให้ กับคุณ เพียงคุณโทรไปที่บริษัทประกันภัยก็จะมีเจ้าหน้าที่มาดำเนินการเจรจากับคู่กรณีต่อรองราคาแทนคุณทุกอย่าง และยังติดต่อ ประสานงานนำรถไปซ่อมให้ที่อู่อีกด้วย
ได้รับการคุ้มครองต่อความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สิน (ตามที่เลือกซื้อ)
บริษัทประกันภัยจะทำการต่อรองค่าซ่อมรถแทนคุณ เป็นการประหยัดเวลาเพื่อนำไปใช้ทำภาระกิจอื่นๆ ฯลฯ
เลือกบริษัทประกันภัย ที่มั่นคง เชื่อถือได้ มีประวัติการดำเนินการและบริการหลังการขายที่ดี ไม่ใช่พิจารณาค่าเบี้ยประกันภัยที่ถูก เพียงอย่างเดียว เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำประกันภัย คือ ความคุ้มครองและการบริการที่ดีในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ซึ่งคุณต้องมี ความมั่นใจในบริษัทที่คุณเลือกอย่างแท้จริง
เลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมและเพียงพอ โดยพิจารณารายละเอียดของความคุ้มครอง เช่น ทุนประกันภัยรถยนต์ ซึ่งเป็นตัวที่สำคัญ ที่สุดในการพิจารณา เพราะเป็นตัวกำหนดว่า บริษัทประกันภัยจะชดเชยให้แก่คุณเท่าไรในกรณีที่เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ยังเป็นตัวที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดราคาเบี้ยอีกด้วย กล่าวคือ ทุนประกันภัยน้อยก็จะทำให้เบี้ยถูกลงด้วย ส่วนความคุ้มครอง อื่นๆ จะเป็น ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลนอก การรักษาพยาบาล การประกันตัวผู้ขับขี่ จำนวนผู้ที่ได้รับการคุ้มครอง ฯลฯ ให้ พิจารณาตามความต้องการและจำเป็น ความคุ้มครองมากขึ้นเบี้ยประกันภัยก็จะแพงขึ้นด้วยแต่อาจคุ้มค่ามากเมื่อได้รับในเวลาที่ต้องการ
สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อประกันภัย
ผู้ขับขี่ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
โดยหลักแล้ว ในการคำนวณเบี้ยประกันภัยชั้น 1 และ 2 ค่าเบี้ยประกันภัยจะสัมพันธ์กับวงเงินทุนประกันภัยรถของคุณเป็นหลัก เช่น ทุนประกันภัยรถสูง = ค่าเบี้ยแพง ดังนั้น เมื่อพบอัตราเบี้ยที่แตกต่างกันให้สังเกตดูว่าทุนประกันภัยและความคุ้มครองอื่นๆ ที่สูง กว่านั้นคุ้มค่าตามความต้องการหรือไม่
บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ผู้ขับขี่ดื่มเหล้าและเกิดอุบัติเหตุ
การนำรถที่ถูกชนมาก่อนมาทำประกันภัยโดยไม่เปิดเผย ถือเป็นการหลอกลวง บริษัทประกันภัยมีสิทธิไม่รับประกันภัยรถของคุณ หรือหากตรวจพบในภายหลังให้ถือว่าสัญญาเป็นโมฆียะ หรือไม่สามารถนำมาใช้ได้
ความคุ้มครองการประกันภัยรถยนต์จะคุ้มครองเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
โดยทั่วไป บริษัทประกันภัยจะไม่รับประกันภัยรถที่มีการโหลด ตกแต่ง หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์
บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครอง ในกรณีนำรถไปใช้ผิดประเภท เช่น นำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลนำไปใช้รับจ้าง
กำหนดตัวแปรเพื่อการคำนวณเบี้ยประกันภัยของคุณ
กำหนดประเภทหรือชั้นของการประกันภัย (เช่น พ.ร.บ. อย่างเดียว หรือชั้นที่ 1 - 3) สำหรับชั้นที่ 1 - 3 คุณควรดูว่าคุณมีพฤติกรรม การใช้รถเป็นอย่างไร หากมีกำลังซื้อจำกัด ขับน้อย ใช้ในระยะทางใกล้ๆ ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ การประกันภัยประเภทที่ 3 อาจเป็นทาง เลือกที่ดี
ระบุรวม พ.ร.บ. ในกรณีที่คุณต้องการซื้อประกันภัยชั้นที่ 1 - 3 พร้อม พ.ร.บ.
การระบุชื่อผู้ขับขี่ สำหรับประกันภัยประเภทที่ 1 คุณสามารถระบุชื่อผู้ขับขี่และอายุได้โดยสามารถระบุชื่อได้ 2 ชื่อ ซึ่งอายุจะเป็น ตัวกำหนดเบี้ยประกันภัย การระบุชื่อจะทำให้ค่าเบี้ยถูกกว่าการไม่ระบุชื่อ
ทุนประกันภัย คือวงเงินความคุ้มครองที่บริษัทประกันภัยจะชดใช้ให้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ในทางปฏิบัติ บริษัทประกันภัยจะเป็น ผู้กำหนดทุนประกันภัยให้แก่รถแต่ละคัน ซึ่งอาจจะไม่เท่ากัน เพียงแค่คุณระบุยี่ห้อ รุ่น ขนาดเครื่อง และ ปีของรถยนต์คุณ ทุน ประกันภัยที่แต่ละบริษัทกำหนดจะปรากฎให้โดยอัตโนมัติ
ชนิดรถยนต์ ถ้ารถคุณเป็นรถป้ายแดงออกใหม่ บริษัทประกันภัยจะไม่ตรวจสภาพรถยนต์คุณ แต่ถ้าเป็นรถใช้แล้วบางบริษัทอาจมี การตรวจสภาพรถยนต์โดยจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจ
ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) คือวงเงินสูงสุดที่คุณจะต้องรับผิดชอบในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ เราขอแนะนำให้คุณกำหนดค่า เสียหายส่วนแรกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้โดยไม่ควรเกิน 5,000 บาท สำหรับการทำประกันภัยประเภทที่ 1 เพราะเงินจำนวนนี้ สามารถนำไปเป็นส่วนลดเบี้ยประกันภัยของคุณได้
ประวัติการประกันภัยสำหรับผู้ที่มีส่วนลดมาจากบริษัทเดิม คุณสามารถโอนส่วนลดมาที่ใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม บางบริษัทจะมี ขอบเขตในการให้ส่วนลด เช่น เพียงแค่ 20% ไม่ว่าจะได้จากที่เดิมเท่าไร เพื่อเป็นการประหยัดเวลาในการสมัคร คุณควรระบุข้อมูล ประวัติให้ครบถ้วนถูกต้อง ข้อมูลที่ระบุมานั้น บริษัทประกันภัยจะทำการตรวจสอบยืนยันอีกที
เตรียมพร้อมข้อมูลหมายเลขทะเบียนรถ และเลขตัวถัง
กรอกใบสมัครและทำตามขั้นตอนที่ระบุ
กรมธรรม์ของคุณจะถูกจัดส่งให้ถึงบ้านทางไปรษณีย์ หรือโดยเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์ของบริษัทประกันภัย
เมื่อเกิดเหตุคุณควรทำอย่างไร
แจ้งอุบัติเหตุทันทีต่อบริษัทประกันภัยตามหมายเลขโทรศัพท์ที่บริษัทประกันภัยให้ไว้ มักจะให้มาในรูปแบบของสติ๊กเกอร์ติดกระจกหน้ารถ
เมื่อเจ้าหน้าที่บริษัทดำเนินการสำรวจความเสียหายแล้ว จะให้ใบรับแจ้งเหตุไว้
นำเอกสารดังกล่าวไปให้บริษัทประกันภัยคุมราคาทรัพย์สินที่เสียหายก่อนทำการซ่อม
นำรถเข้าซ่อมกับอู่ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการประกันภัยรถยนต์
เมื่อมีการโอนรถ- เมื่อท่านได้โอนรถของท่านที่ได้ทำประกันภัยไว้ให้แก่ผู้อื่น ให้ถือว่าผู้รับโอนเป็นผู้เอาประกันภัยตามกรมธรรม์นี้ และบริษัทประกันภัยจะต้องรับผิดชอบตามกรมธรรม์นั้นต่อไปจดหมดอายุ ในกรณีที่ได้ทำกรมธรรม์แบบระบุชื่อ ท่านจะต้องแจ้ง การเปลี่ยนแปลงผู้ขับขี่ให้บริษัทประกันภัยทราบ เพื่อจะได้ทำการปรับปรุงอัตราตามสภาพความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลง มิฉะนั้นท่านอาจ จะต้องรับผิดชอบในความเสียหายส่วนแรกเองตามเงื่อนไขของกรมธรรม์